นกพัฟฟินแอตแลนติกเป็นหนึ่งในนกที่น่ารักและมีสีสันที่สุดในโลก มันโดดเด่นด้วยรูปลักษณ์ที่แปลกตาและเป็นเอกลักษณ์ ทำให้เราไม่อาจเรียกมันว่าเป็นนกทั่วๆ ไปได้ ตัวนกพัฟฟินมีขนสีดำและขาว ร่างกายของมันมีขนาดเล็กและแข็งแรง ปีกสั้นและเหมาะกับการบินที่รวดเร็วทั่วทะเล มีจงอยที่หนาและสีสันสดใส เมื่อมองไปที่นกพัฟฟิน ผู้คนมักจะนึกถึงละครสัตว์ เนื่องจากความน่ารักและสีสันที่ฉูดฉาดของมัน
นกพัฟฟินแอตแลนติกอาศัยอยู่ในบริเวณชายฝั่งของมหาสมุทรแอตแลนติก และมันมักจะอาศัยอยู่ในอาณานิคมขนาดใหญ่ที่สร้างจากนกพัฟฟินจำนวนมาก ซึ่งเป็นสิ่งที่ทำให้การพบเห็นมันนั้นน่าตื่นเต้นมาก ในช่วงฤดูผสมพันธุ์ นกพัฟฟินจะกลับมาที่รังที่สร้างขึ้นจากโพรงดินหรือหน้าผา ซึ่งเป็นที่ที่มันสามารถฟักไข่และเลี้ยงลูกนกได้อย่างปลอดภัย
อาหารของนกพัฟฟินส่วนใหญ่ประกอบไปด้วยปลาเล็กๆ และสัตว์น้ำอื่นๆ พวกมันจะใช้วิธีการดำน้ำเพื่อจับเหยื่อและมักจะสามารถเก็บปลาในจงอยของมันได้หลายตัวพร้อมกัน นี่คือนิสัยที่น่าสนใจและทำให้มันถูกเรียกว่าเป็น "เจ้าหมาดำ" ของทะเล การลงทุนพลังงานเพื่อดำน้ำจับปลาเป็นเรื่องที่น่าทึ่ง และพวกมันมีความสามารถในการดำน้ำได้ลึกเพื่อเก็บอาหาร เช่น ปลาเฮริงและปลาซาร์ดีน
ลักษณะเด่นสำคัญอีกอย่างของนกพัฟฟินคือการเปลี่ยนแปลงสีของจงอยในช่วงฤดูกาล ในฤดูผสมพันธุ์จงอยของมันจะมีสีสันสดใส ประกอบด้วยสีส้ม สีน้ำเงิน และสีเหลือง มันยังมีพื้นที่เจาะลึกที่บริเวณเหงือก ซึ่งเป็นลักษณะเฉพาะที่ทำให้มันวิเศษมากยิ่งขึ้น ขณะเดียวกันในช่วงฤดูหนาว จงอยของนกพัฟฟินจะมีสีจางลงและมีลักษณะที่ผิดหวัง แตกต่างจากในช่วงฤดูผสมพันธุ์
นกพัฟฟินมีวิถีชีวิตที่น่าสนใจและมีพฤติกรรมทางสังคมที่น่าทึ่ง มันมักจะสร้างความสัมพันธ์ระหว่างคู่รักที่ยั่งยืน โดยมักพบเห็นนกพัฟฟินคู่หนึ่งที่อยู่ด้วยกันตลอดชีวิต นอกจากนี้ มันยังมีทักษะในการสื่อสารที่ยอดเยี่ยม และทำให้คนที่ได้พบเห็นมันรู้สึกมีความสุขจากการดูแลซึ่งกันและกัน
พื้นที่ที่นกพัฟฟินอาศัยอยู่มักจะมีการปกป้องจากการถูกจับจากผู้ล่า ทำให้การอนุรักษ์นกพัฟฟินเป็นเรื่องที่มีความสำคัญเช่นกัน เราจะเห็นว่ามีความพยายามในการอนุรักษ์ที่สร้างขึ้นเพื่อลดการทำร้ายถิ่นที่อยู่และการล่าจากธรรมชาติ ถึงแม้ว่านกพัฟฟินจะมีความน่ารัก แต่การอยู่ร่วมกับสัตว์อื่นๆ ในระบบนิเวศต้องใช้ความระมัดระวัง
ในช่วงที่นกพัฟฟินกลับมาจากการหากิน นกจะเตรียมพร้อมที่จะเลี้ยงลูกนกด้วยความเอาใจใส่ มันจะทำหน้าที่พ่อและแม่อย่างเต็มที่ ในการดูแลและป้องกันลูกนกจากการถูกล่าและภัยธรรมชาติทำให้เราเห็นว่าการเพาะพันธุ์และการฟักไข่ของนกพัฟฟินนั้นมีความสำคัญต่อการดำรงอยู่ของชนิดพันธุ์ เพราะการดูแลลูกนกในตอนแรกเสมือนเป็นการสืบสานต่อไปในอนาคต
เมื่อไปเยือนพื้นที่ที่เป็นที่อยู่อาศัยของนกพัฟฟิน ผู้คนมักจะตั้งแคมป์หรือไปเที่ยวชมเพื่อชมความน่ารักของพวกมัน นกนี้ได้กลายเป็นจุดหมายปลายทางสำหรับนักท่องเที่ยว ไม่ว่าจะเป็นการถ่ายภาพหรือการเรียนรู้เกี่ยวกับวิถีชีวิตของมัน ความเชื่อมโยงระหว่างมนุษย์กับธรรมชาติผ่านนกพัฟฟินไม่เพียงแต่ช่วยส่งเสริมการอนุรักษ์ แต่ยังนำไปสู่ความตระหนักรู้เกี่ยวกับความสำคัญของธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอีกด้วย